Saturday, February 03, 2007

1 วันสุดท้าย

วันนี้รู้สึกว่าเวลาทุกวินาทีมีค่ามากอ่ะ ไม่ว่าจะกระดิกตัวไปไหน ทำอะไรอยากให้เวลามันผ่านไปช้าๆ

เคยได้ยินคนเค้าตั้งคำถามประมาณว่า ..
1. "ถ้าคุณมีชีวิตเหลืออยู่เพียงหนึ่งวัน คุณจะทำอะไร?"
2. "ถ้าอีก 7 วันโลกจะแตก คุณจะทำอะไร?"
3. "ถ้า ..." สารพัด..

คำถามแต่ละคำถาม เหมือนกันตรงที่ .. คุณจะทำอะไร ในเวลาอันน้อยนิด ก่อนที่คุณจะต้องจากไป

ตอนนั้นก็ได้แต่ตอบไปสารพัด แต่พอมาวันนี้ ต้องเจอเหตุการณ์นี้เข้าจริงๆ ซึมเลย
สิ่งเดียวที่คิดในใจตลอด คือ .. อยากให้เวลาเดินช้า ๆ ว่ะ ..

อยากอยู่กะแม่ให้นานๆงับ

งร่า วันนี้ จ๋อย เลย .. T_T

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ซึ้ง ภาค 2
คำเตือน ฟังแล้วระวังน้ำตาไหลพราก .. T_T


หนึ่งคำสัญญา - แอนเดรีย


"...แม้ไม่อาจจะมองเห็นกันด้วยตา แต่ก็รู้ว่าเราจะมีความรู้สึกต่างๆที่ดีให้กันและกัน
แม้ไม่อาจจะบอกเล่าความห่วงใยแต่ให้รู้ว่าทุกๆวัน จะมีฉันคนหนึ่งที่เฝ้ามองเธอผ่านฟากฟ้า
หนึ่งคำสัญญา ที่คิดว่ามีค่าพอให้เธอ นั่นคือจะเหมือนเดิมเมื่อกลับมาหา
อาจเป็นแค่เพียงหนึ่งคำที่ได้สัญญา แต่จะรักษามันด้วยหัวใจ
กับทุกเวลา กับทุกนาทีที่ผ่าน คงไม่ใช่เป็นเพียงวันวาน ที่ลบมันง่ายดาย
แต่ขอสัญญาไม่ว่าจะเจอสิ่งใด เธอจะยังคงเป็นส่วนที่งดงามเสมอ ...."

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ไปแระจ้ะ .. โชคดีงับ .. ขอบคุณทุกๆคนหลายๆเด้องับ ...

. . . ข่ อ ย ฮั ก พ ว ก เ จ้ า ห ล า ย เ ด้ อ . . .

^_____^

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Thursday, February 01, 2007

Binded Heart

นี่คือประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิตการทำงานของข้าพเจ้าในช่วงแรก
ตั้งแต่ 18 เมษายน 2548 ถึง 31 มกราคม 2550 ไม่อาจจะเล่ามาเป็นเรื่องราว เป็นฉาก เป็นตอนได้
แต่เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดต่างมีบทสรุปของมันเอง เป็นความรู้สึกต่างๆเหล่านี้


  • สุข
    เกิดหลายครั้งหลายครา จนไม่สามารถนับได้
  • ทุกข์
    ส่วนใหญ่เกิดตอนเจอปัญหาที่ไม่รู้จะแก้อย่างไร
  • เศร้า
    เกิดตอนเมื่อรู้สึกว่าจะมีพี่ และเพื่อนร่วมงานจะออกจากบริษัท
  • ตื่นเต้น
    เมื่อได้ไปทำงานยังไซต์งานต่างๆ รวมทั้งต่างจังหวัด รวมทั้งไป outing ชายทะเล และได้รับรางวัลเตารีดไฟฟ้าในงานเลี้ยงปีใหม่ปี 2549
  • ง่วง
    ตอนไปที่ทรูคืนหนึ่ง อยู่ยันเช้า
  • ชอบ
    ชอบหลายๆอย่าง ชอบบรรยากาศการทำงานที่นี่ รวมทั้งเพื่อนๆพี่ๆร่วมงานทั้งหลาย
  • ไม่ชอบ
    ในการทำงานบางอย่าง แต่ตอนหลังก็เข้าใจ
  • รำคาญ
    นิสัยบางอย่างของคนบางคน ทำให้รู้สึกรำคาญมากในช่วงแรก แต่หลังมาเริ่มชิน และไม่น่ารำคาญเท่าช่วงแรก
  • เบื่อ
    เบื่องานบางอย่าง บางช่วง เมื่อไรจะเสร็จ เช่น รีพอร์ท
  • เซ็ง
    บางครั้งไม่มีอารมณ์ทำงานเท่าไร ปัจจัยน่าจะมาจากการพักผ่อน และปัญหาภายนอกรุมเร้า
  • หิว
    ตอนกลางวันกินข้าวเที่ยงกันเกือบบ่าย เลยหิวบ้างบางวัน บางวันหิวข้าวเย็นแทนเลยต้องลงไปซื้อหมูปิ้งกิน
  • อิ่ม
    เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วก้ออิ่ม บางครั้งอิ่มจังตังอยู่ครบ แล้วแต่ดวง และอารมณ์ของพี่ๆที่เป็นเจ้ามือ หุ หุ
    แล้วก้ออื่มเอมใจ เวลาเล่นกัน หนุกหนานกะเพื่อนๆ แล้วมีความสุขดี
  • อร่อย
    ร้านป้าเตาถ่านบางวันก็ทำต้มยำอร่อย โดยเฉพาะใส่เส้นมาม่าด้วย ชอบข้าวหมูกรอบ ร้านก๊วยจั๊บด้วยอร่อยดี อ้อ .. ร้านบะหมี่จับกังอันนี้ปรุงเองบางครั้งอร่อย ลุงกะป้าให้เยอะมาก
  • เมื่อย
    หลังจากที่ไปทริปเชียงใหม่ งานรับปริญญาตูน แล้วก็เที่ยวเล่นตามที่ต่างๆ เหนื่อยและเมื่อยโคตร แต่ก็หนุกดี
  • นานจิงโว๊ยย
    อันนี้เป็นความรู้สึกอยู่ช่วงนึงที่เวลามันเดินไปช๊าช้า น๊านน นาน กว่าจะหมดไปวัน ๆ เค้าว่ากันว่าเวลาที่เราไม่มีความสุขเราจะรู้สึกว่าเวลาเดินช้า มารู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าเพราะมีบางสิ่งหายไปนี่เอง
  • เครียด!
    อันนี้รู้สึกตอนแก้ปัญหาเรื่อง Report job ไม่ได้ ตรงที่ font มันไม่ยอมออกมาสวยๆซักที ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว
  • สบายๆ
    มีบางช่วงงานชิวๆ ก้อเปิดเพลงฟัง ทำงานไม่รีบเร่ง รู้สกสบายดี อ่อ . . แล้วก้อตอนพักวันหยุดต่างๆ รู้สึกว่าสบายดี
  • ชิวๆ
    หลังๆเริ่มคล่องกับ FrameWork ของโปรเจคทีทำมากขึ้นแล้ว เริ่มรู้เทคนิคต่างๆมากขึ้น เลยรู้สึกว่าเรื่องโน้นเรื่องนี้เราก็พอจะทำได้ เลยมีกำลังใจมากขึ้นมาหน่อย
  • เหงา
    ตอนพี่ๆเพื่อนๆลาออก ก็รู้สึกเหงาๆลงไปเยอะเลย แล้วยิ่งตูนกับแก้วไปอยู่ทรูอีก เหงามาก ออยไปอังกฤษอีก โอว โน่ว !! เหงาๆ เพราะมองทางซ้ายก้อไม่มีใคร มองทางขวาก็ไม่มีใคร T_T
  • หนุกหนาน
    ตอนเล่นกันกับเพื่อนๆ พี่ๆ เล่นกันมากมาย มีพับเครื่องบินเล่นด้วย อันนี้ช่วงงานเริ่มเบา ดาวโหลดเกมมาเล่นกัน ขำ ขำ
  • ตลก
    หลายเรือ่งอยู่ แอบฟังพี่ๆเมาท์เรื่องคนอื่นๆในวงข้าว ทำเอาฮา ขี้แตก ขี้แตน .. สนุกดี
  • ใจแตก
    ตอนไปเที่ยวผับครั้งแรก ฮ่า ฮ่า ฮ่า
  • ผูกพัน
    กับบรรยากาศที่นี่และเพื่อนร่วมงานทุกคน ผูกพันกะโต๊ะ กะเก้าอี้ ลิ้นชัก กะของเล่นบนโต๊ะ กะแมลงสาบใต้โต๊ะ โอว ก้อทุกอย่างเลยนั่นแหละ
  • ประทับใจ
    มิตรภาพ ประสบการณ์ และวันเวลาดีดีที่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่
  • ขอบคุณมากๆค่ะ
    ขอบคุณทุกๆคนมากๆ และขอบคุณในทุกๆเรื่องเลยงับ

    มาวันนี้ก็รู้ว่าตัวเองได้อะไรเยอะมากจากการทำงานที่นี่ ..

Wednesday, January 31, 2007

Memorable Quotes

Sam: This is it.
พอกันที
Frodo: This is what?
อะไรพอ
Sam: If I take one more step, it'll be the farthest away from home I've ever been.
ขืนไปต่ออีกก้าวเดียว มันจะไกลกว่าทุกครั้งที่ข้าออกจากบ้าน
Frodo: Come on, Sam.
ไปน่าแซม
Frodo: Remember what Bilbo used to say: "It's a dangerous business, Frodo, going out your door. You step onto the road, and if you don't keep your feet, there's no knowing where you might be swept off to."
จำได้มั๊ยที่บิลโบเคยพูดว่า "
มันเป็นเรื่องที่อันตรายโฟรโด้ ยามที่ก้าวพ้นประตู เราก้าวสู่ถนน ถ้าออกเดินแล้วไม่ก้าวต่อ เราจะไม่รู้ว่าทางสิ้นสุดตรงไหน"

ที่มา: บทบรรยายภาษาอังกฤษจาก Memorable Quotes from The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring
ส่วนบทบรรยายภาษาไทยจาก VCD ที่บ้านจ๊ะ (พยายามจะถอดความภาษาอังกฤษออกมา แต่ท่าจะไม่รอด -_-')

Tuesday, January 30, 2007

ต้นไม้แห่งความลับ






ขอยืมต้นไม้จากเรื่อง My sassy girl มาเก็บความลับไว้มั่งอ่ะ

...............................................

(จนกว่าจะมีความกล้ามากกว่านี้ ฮ่า ฮ่า ความลับจึงจะเปิดเผยออกมา)


อ่า .. แต่หนังเรื่อง My Sassy Girl เองก็มีความลับซ่อนอยู่เหมือนกันนะ

เคยอ่านจาก Forward Mail แต่จำไม่ได้มาก แต่ตอนนั้นพออ่าน Foward mail นี้จบก็ไปนั่งดูหนังอีกรอบ แล้วก็ทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องหลายๆอย่างมากขึ้น

ทั้งๆที่ตอนแรกก็ไม่ได้เข้าใจไปทุกฉากหรอก แต่ก็ประทับใจหนังโดยรวมๆ
แต่ยิ่งพอมารู้ความลับเหล่านี้แล้ว ยิ่งชอบใจหนังเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก เพราะเก็บรายละเอียดไว้มากจริงๆ เยี่ยมไปเลย

ความตอนหนึ่งที่จำได้ ก็คือตอนที่คุณลุงมานั่งใต้ต้นไม้แห่งความลับ แล้วก็มาเจอนางเอก
ที่แท้แล้วคุณลุงคนนี้ก็คือพระเอกที่นั่ง UFO ย้อนเวลามาจากโลกอนาคต
เพื่อมาหาคำตอบว่าทำไมนางเอกถึงได้มาตอน 3 ปีให้หลังแทนที่จะเป็น 2 ปี
ชอบประโยคนึงที่ลุงพูดว่า

"หนูรู้มั๊ยคำว่าโชคชะตาคืออะไร?มันคือการสร้างสะพานแห่งความสัมพันธ์ ไปหาความรักแท้ไง"

แล้วก็กบที่อยู่ในไข่ที่ใช้เก็บจดหมายตอนพระเอกมาเปิดอ่าน
(ตอนแรกฉันก็งงว่าเฮ้ย กบมันเข้าไปได้ไงวะ หรือมันนานจัด 2 ปีนี่ทำให้กบมาตั้งรกรากกันแถวนี้)
ที่จริงแล้วมาจาก คุณลุงก็คือพระเอกที่ย้อนเวลามาเป็นคนใส่ลงไป
เพราะผู้กำกับเค้าต้องการสื่อว่ามีคนอื่นเข้ามาอ่านจดหมายแล้วนะ ซึ่งก็คือลุงนี่แหละนั่นเอง
เพราะลุงได้เปรยไว้กับนางเอกตอนมาเปิดจดหมายเหมือนกันว่า "ลุงได้อ่านจดหมายของหนูด้วยนะ"

เป็นไง ล้ำลึกจริงๆ นี่จำได้แค่นี้เองอ่ะ
แต่ของจริงมีมากกว่านี้ คนคิดนี่สุดยอดจริงๆ นับถือๆ
.. เรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจเรื่องนึงเลยทีเดียว ..

Quotes from "My Sassy Girl"
+ "ถ้าเราเป็นคู่กัน เราก็จะต้องมาเจอกันเข้าซักวันนึงแน่นอน"
+ "หนูรู้มั๊ยคำว่าโชคชะตาคืออะไร?มันคือการสร้างสะพานแห่งความสัมพันธ์ ไปหาความรักแท้ไง"

Friday, January 26, 2007

ไอ้หมีกลับบ้าน

นี่คือ ..หมี ..



หมี .. คือขวัญใจของชาว TRM แห่ง Freewill Solutions เลยก็ว่าได้
หมีเข้ามาอยู่ที่ฟรีวิลล์ตั้งแต่ตุลาคม 2548 เข้ามาในโปรเจค TRM เป็นโปรเจคแรก
และก็เป็นโปรเจคสุดท้ายของมันเช่นกัน

ตอนแรกหมีอยู่ที่ชั้น 28 ของตึกลุมพินีทาวเวอร์
อาศัยพื้นที่โต๊ะของฮะนึ๋งเป็นที่แอบอิงตามบริเวณใกล้ๆกะจอคอมพ์
ต่อมาช่วงเดือนมิถุนายน 2549 หมีได้ย้ายตามโปรเจค TRM ไปอยู่ชั้น 31
แล้วก็สถิตอยู่ในชั้นนั้นที่โต๊ะของฮะนึ๋งเรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายของฮะนึ๋งผู้เป็นเจ้าของที่ที่มันแอบอิงอยู่ มันจึงได้ติดตามฮะนึ๋งกลับมาอยู่ที่บ้าน และอาจจะได้ตามฮะนึ๋งไปต่างประเทศด้วยถ้ายังมีพื้นที่ในกระเป๋าว่างอยู่

ตลอดระยะเวลาที่มันอยู่ที่ฟรีวิลล์ หมีได้สร้างสีสันมากมายให้กับคนในแผนก TRM
ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่มันมีอยู่ คือ การที่มันขี้ออกมาเป็นกระดาษทิชชู่ได้
ดังนั้นมันจึงได้รับความนิยมในการเป็นคนดูแลกระดาษทิชชู่

แต่มันทำหน้าที่นี้ได้ไม่นาน มีหลายคนได้ค้นพบความน่ารักของมัน
ด้วยการจับมันมาแปลงร่างต่างๆนานา ถอดเอาหัวยัดเข้าไปในตัวมันบ้างล่ะ
ไม่ก็เอากระดาษมาพันหัวมันเล่นบ้างล่ะ บางรายเอากระดาษมาหุ้มเท้ามันให้ดูเหมือนเป็นหมีเข้าเฝือกบ้างล่ะ
บางรายก็เอาทิชชู่มาแปะที่ตาหมีให้เหมือนโจรสลัดบ้างล่ะ

นอกจากนั้นเวลาที่พี่ฝนมาแจกดอกไม้ให้กับคนที่แผนก TRM หมีจะเป็นที่ฝากดอกไม้ไว้ได้
โดยให้มันคาบไว้ที่ปาก บางทีเวลาจะกลับบ้านฮะนึ๋งหาที่เก็บหูฟังซาวเบาท์ไม่ได้ ก็เลยวางไว้ที่หัวมันนั่นล่ะ
ซึ่งมันช่างพอเหาะพอดีอะไรเยี่ยงนี้

ยังไม่พอ พี่ๆหลายๆคนก็ชอบมาระบายอารมณ์กับมัน แก้เครียดได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่อ๊อด
ท่าทางจะเครียดอยู่มากทีเดียว จับมันเป็นเล่นอย่างเมามันส์

หมียังเคยไปห้อยต่องแต่งบนต้นคริสต์มาสของชั้น 31 เป็นของตกแต่งต้นคริสต์มาสในช่วงเทศกาลอีกด้วย

แต่มีเรื่องนึงที่หมีดีใจที่สุด ก็คือการที่ด๊อกเตอร์มาตบหัวมันเบาๆ ตอนมาที่ชั้น 31 หมีตื้นตันใจอย่างมาก ..

จนกระทั่งถึงวันสุดท้าย 26 มกราคม 2550 เวลาประมาณสามทุ่ม
หมีได้ร่ำลาเพื่อนๆ พี่ๆ ในแผนกบางคนที่ยังอยู่ตอนสามทุ่ม
และทุกท่านก็ได้บ๊าย บายให้กับหมี เป็นการอำลา เช่นกัน

หมีและฮะนึ๋งต้องไปแล้ว .. ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่ฟรีวิลล์อีก
แต่หมีและฮะนึ๋งก็จะไม่ลืมความทรงจำ และวันเวลาดีดีในช่วงนั้นเลย

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่หมีและฮะนึ๋งได้รับจากฟรีวิลล์
โดยเฉพาะมิตรภาพดีดีที่ฮะนึ๋งและหมีจะไม่มีวันลืมเลย

^___________^


ปล๑. ขอบคุณเจนที่ให้หมีเป็นของขวัญวันเกิดเราในคราวนั้นอ่ะ

ปล๒. ขอขอบคุณตูน แก้ว ออย ต้น แบงค์ นุ กิ๊บ จูน โจ พี่แอ๋ม พี่หยิน พี่ต๋ง พี่ตูน พี่กล พี่อ๊อด พี่อ้อม พี่ขิง พี่ติ่ง พี่รอง พี่ปุ๊ก พี่จิ๋ว พี่เป้ พี่แจ๊ค พี่แป้ง พี่ยุ้ย พี่ยาคูลท์ มากๆเลยงับ

Thursday, January 25, 2007

The KIC Alumni

"วันพรึหัด ทุ่มนึง BTS ราชเทวี" นี่คือที่มาของการรวมตัว ณ ร้านเจ๊ก้อย ย่านราชเทวี ...

วันนี้เป็นวันคืนสู่เหย้าชมรมอินเทอร์เน็ต แห่งพระจอมเกล้าฯลาดกระบัง

อุ่นหนาฝาคั่งมากๆ โต๊ะร้านเจ๊ก้อยเรียงต่อกันแนวยาวได้ 4 ตัว บรรจุคนร่วม 18 ชีวิต
ดีใจมากๆๆๆอ่ะ ที่ได้เจอเพื่อนพ้องน้องพี่ อีกครั้ง
สำหรับเพื่อนพ้องน้องพี่บางท่านข้าพเจ้าพอจะได้มีโอกาสเจออยู่บ้าง
แต่กับเพื่อนพ้องน้องพี่อีกหลายท่านที่ไม่ได้เจอมาปีกว่าๆได้กระมัง

เพราะตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ ปีสามกรายๆ ปีสี่ก็ไม่ได้เข้าไปชมรมอีก
ไม่ได้ update ข่าวคราวความเป็นไปของชมรม รวมทั้งข่าวสารของเพื่อนพ้องน้องพี่เท่าไรนัก
เป็นสมาชิกห่างๆคนนึงเลยทีเดียว

ข้าพเจ้าเลยรู้สึกขอบคุณ และดีใจมั่กๆเลย ที่ได้มาเจอกันอีกอ่ะ
แล้วก็ยังอยากเจอพี่ป๊อก พี่วิช เอ๋(เค็ม) ปอ พีช(เคม) เอี๊ยง ลูกหว้า เม้ง หมู ฯลฯ ด้วยอ่ะ
อ้อ แล้วถ้าพูดถึงชมรมเน็ตลาดกระบัง ต้องไม่ลืมพี่เปี๊ยก อาจารย์ที่ปรีกษาชมรม

โอกาสนี้เลยได้ update ข่าวสารในวงการได้มากมาย


  • พีช แต่งงานแล้ว !! ฮ๊า !! จริงดิวะ !! ขอแสดงความยินดีด้วยเด้อ ฮ่า ฮ่า จะได้อุ้มหลานแล้วเว้ยตรู หลานลูกครึ่งคนแรกเฟร้ย!! : )
  • ไอ้เอ๋ ก็กะลังจะไป Norway ก็หัวใจไปอยู่โน่นแล้วนี่หว่า ตัวเลยต้องตามไปในไม่ช้า : )
  • กี ฉันลืมบอกแกไปว่าแกดูอึ๋ม(อ้วน)ขึ้นนะ หน้าบานแสดงว่ากำลังมีความสุข อันนี้ต้องขอบคุณเหมียว : )
  • น้องอาร์ม ไม่เจอนานมากเลย ตอนที่บอกว่าเป็น Security Engineer ตอนแรกพี่คิดว่าเราเป็นยามเพราะได้ยิน security มาก่อนเลย : )
  • น้องบิว(หญิง) ถ้าอยากใช้โบนัสก้อนโตด้วยการมาเที่ยวล่ะก็ บอกพี่ได้เลย หู หู หู พี่จะดูแลอย่างดี .. : )
  • น้องบิว(ชาย) ไว้พี่ไปเรียนภาษามาก่อนแล้วจะมาถามเรื่องฝึกงานต่างประเทศอีกครั้งง่ะ : )
  • ภา .. ขอบคุณหลายๆสำหรับ"คิดถึงทุกปี" ข้าพเจ้าก็จะคิดถึงภา ไม่ใช่ทุกปี แต่เป็นทุกลมหายใจเข้าออก อะฮิ้ววว : )
  • น้องฟาง .. ขาวขึ้นนะเนี่ย ! : )
  • พี่น๊อต.. ยังไม่ได้ให้พี่น๊อตดูลายมือเลยอ่ะ วัยรุ่นเซ็ง - -' :)
  • น้องนิด น้องฟาง น้องนุ่น พี่นุ แนท จื๊อ เฮ้ยไปตั้งชมรมสาขาย่อยที่ MOTIF กันเร๋อวะเนี่ย สุดยอด : )
  • โอ๋ .. เวลาเราไปอยู่ไกลๆ เราไม่เป็นห่วงโอ๋เท่าไรเพราะมีพี่อู๋คอยดูแลอยู่ หุ หุ : )
  • พี่เบนซ์ .. เจ๊ก้อยสู้ฝีมือป้าจี่ได้ป่าวหว่า ลุง? : )
  • เจ๊นัท .. ข้าพเจ้าจะเอาตำราของเจ๊ไปฝึกทำที่โน่นเด้อ แล้วจะกลับมาโชว์ฝีมือให้เจ๊ด้วย .. หุ หุ หุ : )

ส่วนเรื่องอาหารนี่ฉันกินไม่ได้เยอะอ่ะ ไม่ใช่เพราะเจ๊ก้อยตำส้มตำไม่อร่อยแต่อย่างใดแต่เป็นเพราะมันอิ่มใจแว้ววว

ขอบคุณ พี่นัท พี่เบนซ์ พี่น๊อต พี่ดอย พี่อู๋ โอ๋ เอ๋ กี แนท จื๊อ พีช ภา น้องฟาง พี่นุ น้องนุ่น น้องบิว(ญ) บ้องบิว(ช) น้องนิด น้องอาร์ม มากๆนะงับ

ปล. KIC = KMITL Internet Club

Tuesday, January 23, 2007

A B F G J N N W

เรื่องราวของวันที่ 21 มกราคม ยังไม่จบเท่านั้น

วันนี้ตอนหกโมงเย็นมีนัดกับเพื่อนๆทานข้าวเย็นกัน
นัดกันที่ ร้านไต้ก๋งซีฟู้ด ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์
ฉันมาสายไปหนึ่งชั่วโมง แห่ แห่ มัวแต่เพลิดเพลินกับดินแดนแห่งความฝันอยู่
ไม่อยากจะพลาดงานไหนไปซักงานเลย ไม่อยากออกจากดรีมเวิร์ล แต่ก็ไม่อยากพลาดนัดสำคัญนี้ด้วยเช่นกัน

ตอนฉันมาถึงโต๊ะ มีเสียงปรบมือคับท่านผู้ชม ออกแนวปรบมือประชด มาได้ซะทีนะเอ็ง ..

อะโหย .. โต๊ะนี่เต็มไปด้วยของกินคับท่านผู้ชม เต็มโต๊ะเลย หุ หุ แต่เป็นของกินที่กินหมดแล้ว แปร่วววว

วันนี้เรานัดรวมตัวกันได้ครบทีม 8 คน

ฉันก็ไม่รู้ว่าโต๊ะอื่นเค้าจะมองโต๊ะเรายังไง หรือได้ยินเสียงของพวกเราบ้างหรือเปล่า
วินาทีนั้นฉันไม่สนใจอะไรข้างนอกเลย สนใจแต่เรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังจากเพื่อนๆทั้ง 7 เท่านั้น
ทุกคนก็ได้พูดได้เล่า เรื่องราวความเป็นไปของตัวเอง รวมถึงฉันก็เช่นกัน

เวลาอยู่ด้วยกันแล้ว ฉันเป็นตัวของตัวเองที่สุดเลย

ก้อยนี่ จะเป็นคนแกะปูกะกุ้งให้ทุกคนกิน
เจ๊บุษนี่ก้อสั่งอาหารจริง แบบว่าบุฟเฟ่ (ก็เลยสั่งแหลก)
นก คอยตักอาหารให้ แบบว่านกนี่เหมือนเป็นเขื่อน ใครตักอะไรให้ก็จะมาที่นก นกก็จะส่งต่อให้ฮะนึ๋งอีกทีหนึ่ง
ฝนนี่ทำให้หัวเราะได้อยู่เรื่อยเลยทีเดียว
อุ๊นี่ก็เมาท์เด็กนักเรียนที่โรงเรียนให้ฟังเป็นระลอกๆ
โบ ถ้าไม่มีโบ เราก็มาไม่ถึงที่นี่อ่ะ (เกือบหลง)
วิ ผู้แนะนำเรื่องการเก็บรักษา passport ให้ปลอดภัย

อ่าฮ่า ก่อนจะกลับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แอ๊คกันสุดฤทธิ์ เหมือนอยู่ในที่รโหฐาน
ที่ไหนได้ คนตรึม แต่ก็ไม่หวั่น

กลับบ้านด้วยตาเยิ้มๆ แอบซึ้ง .. T_T

เวลาคิดถึงเรื่องเก่าๆบางเรื่องนี่ ถึงแม้ว่าบางทีอาจจะให้คนเราน้ำตาไหล แต่มันก็มีความสุขมากทีเดียว
เรื่องราวหลายๆเรื่อง ที่ผ่านมาร่วมกัน มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจที่มีพวกเธออยู่เคียงข้างไม่เคยห่าง
และสำหรับอนาคตอันใกล้ ฉันก็จะจำเอาไว้ว่าเสมอว่าจะมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง ในอีกด้านหนึ่งของโลกใบนี้

ที่พร้อมจะแบ่งปันความสุข ความทุกข์ที่ฉันอาจจะต้องเจอ ..เหมือนเคย ..

. . . ไม่อยากจากไปเลย . . .